วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557

วิธีสอนแบบแก้ปัญหา

หมายถึง วิธีสอนที่ให้ผู้เรียนคิดแก้ปัญหาโดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Method) ซึ่งเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่มีขั้นตอน มีเหตุผล มีการรวบรวมข้อมูล มีการทดลองวิเคราะห์ข้อมูล และสรุปผล ดังนั้น จึงอาจเรียกวิธีสอนนี้ว่า วิธีสอนแบบวิทยาศาสตร์

ความมุ่งหมาย

1.มุ่งฝึกทักษะการสังเกต การเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล ตีความและสรุป
2.มุ่งฝึกทักษะทางการคิดแก้ปัญหาแบบวิทยาศาสตร์อันเป็นวิธีที่มีเหตุผล ซึ่งจะมี ประโยชน์ต่อการที่ผู้เรียนจะนำวิธีการไปใช้แก้ปัญหาที่พบในชีวิตประจำวัน
3.มุ่งฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์พิจารณาหาเหตุผล และความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
4.มุ่งฝึกความเชื่อมั่นในตนเอง มีความคิดอิสระ และการทำงานกลุ่มร่วมกับเพื่อน

ขั้นตอนการสอน

1.ขั้นเตรียมการ
1.1 ผู้สอนศึกษาแผนการสอนเนื้อหา และจุดประสงค์การสอนอย่างละเอียด
1.2ผู้สอนวางแผนกำหนดกิจกรรมที่จะให้ผู้เรียนปฏิบัติเป็นขั้นตอนตามลำดับ
2.ขั้นดำเนินการสอน
2.1 ขั้นกำหนดขอบเขตของปัญหา เป็นขั้นที่ผู้เรียนมองเห็นปัญหา และกำหนดขอบเขตของปัญหาผู้สอนอาจใช้วิธีเล่าเรื่อง สร้างสถานการณ์จำลอง อภิปรายศึกษากรณีเฉพาะรายฯลฯ เพื่อให้ผู้เรียนได้เห็นปัญหานั้น ถ้ามีหลายปัญหา อาจแยกเป็นข้อๆได้ดังนั้น บทบาทของผู้สอนในขั้นนี้คือ
1. นำทางให้ผู้เรียนเห็นปัญหา
2.จัดสิ่งแวดล้อมให้ผู้เรียนเข้าใจปัญหา
3.ช่วยตั้งจุดมุ่งหมายในการแก้ปัญหาให้ทุกคนเข้าใจได้ตรงกัน
2.2ขั้นตั้งสมมติฐาน เป็นขั้นวางแนวทางที่จะหาคำตอบของปัญหา โดยให้ผู้เรียนสมมติฐานว่า ปัญหานั้นน่าจะมีสาเหตุมาจากอะไร หรือวิธีแก้ปัญหานั้นน่าจะแก้ไขโดยวิธีใดบ้างบทบาทของผุ้สอนในขั้นนี้คือ
2.2.1ช่วยผู้เรียนวางแผนจะแก้ปัญหาด้วยวิธีใดบ้าง
2.2.2แบ่งผู้เรียนเป็นกลุ่มรับผิดชอบงานตามความสามารถและความสนใจ
2.3ขั้นรวบรวมข้อมูล เป็นขั้นที่ผู้เรียนศึกษาหาความรู้จากแหล่งต่างๆเพื่อเป็นข้อมูลใช้ในการแก้ปัญหา โดยอาจค้นคว้าจากตำรา เอกสารต่างๆ จากการสัมภาษณ์ ซักถามผู้เชี่ยวชาญฯลฯแล้วจดบันทึกข้อมูลไว้ บทบาทของผู้สอนในขั้นนี้คือ
2.3.1แนะนำแหล่งความรู้เพื่อค้นคว้าหาข้อมูล
2.3.2อำนวยความสะดวกด้านวัสดุอุปกรณ์และสิ่งจำเป็นต่างๆที่ผู้เรียนต้องการใช้ในการทดลองและวิเคราะห์ข้อมูล
2.4ขั้นทดลองและวิเคราะห์ข้อมูล ให้นักเรียนได้ทำการทดลอง
2.5ขั้นประเมินและสรุปผล เป็นขั้นสุดท้ายของลำดับขั้นสอน ผู้เรียนย่อมสามารถประเมินผลวิธีการแก้ปัญหาและสรุปได้ว่า วิธีการใดดีที่สุดในการแก้ปัญหานั้น บทบาทของผู้สอนในขั้นนี้คือ
2.5.1ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มรายงานวิธีการแก้ปัญหาตั้งแต่ขั้นที่1 -5
2.5.2ผู้สอนอภิปรายซักถามผู้เรียน ช่วยเสริมและสรุปประเด็นสำคัญของการเรียนการสอนครั้งนี้
3.ขั้นประเมินผล
ผู้สอนประเมินผลการทำงานของผู้เรียน แล้วแจ้งให้ผู้เรียนทราบข้อดีและข้อบกพร่องเพื่อปรับปรุงแก้ไขต่อไป
ขั้นตอนการสอนแบบแก้ปัญหา สรุปได้ดังนี้

1.ขั้นเตรียม
-ศึกษาแผนการสอน
-กำหนดกิจกรรม

2.ขั้นดำเนินการสอน
-ขั้นกำหนดขอบเขตของปัญหา
-ขั้นตั้งสมมติฐาน
-ขั้นรวบรวมข้อมูล
-ขั้นทดลองและวิเคราะห์ข้อมูล
-ขั้นประเมินและสรุปผล

3.ขั้นประเมินผล
-ผู้สอนประเมินผลการทำงานของผู้เรียน

ข้อดีและข้อจำกัดของวิธีสอนแบบแก้ปัญหา

ข้อดี

1.ผู้เรียนได้ฝึกวิธีการแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผลฝึกการวิเคราะห์และการตัดสินใจ
2.ผู้เรียนได้ฝึกการค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งความรู้ต่างๆ
3.ฝึกการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มและฝึกความรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย
4.ประสบการณ์ที่ผู้เรียนได้รับจากการฝึกแก้ปัญหา จะมีประโยชน์ในการนำไปใช้ในชีวิตจริงทั้งในปัจจุบันและอนาคต

ข้อจำกัด

1.ผู้เรียนต้องดำเนินการตามขันตอนที่กำหนดไว้ ถ้าผิดไปจะทำให้ได้ผลสรุปที่คลาดเคลื่อนหรือผิดความจริงไป
2.ผู้เรียนจะต้องมีทักษะในการค้นคว้าข้อมูล จึงจะสรุปผลได้ดี
3.ถ้าผู้สอนไม่คุ้นเคยกับวิธีการทางวิทยาศาสตร์อาจนำไปผิดทางได้
4.การกำหนดปัญหา ถ้าเลือกปัญหาไม่ได้จะทำให้การเรียนการสอนได้ผลเท่าที่ควร
การนำวิธีการแบบแก้ปัญหาไปใช้ผู้สอนต้องคำนึงถึงข้อต่อไปนี้
1.ปัญหาที่นำมาให้ผู้เรียนศึกษา ควรเป็นปัญหาที่น่าสนใจ เหมาะสมกับวัย ประสบการณ์ของผู้เรียน และเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียน เช่นปัญหาห้องไม่สะอาด ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ ปัญหาสุขภาพ ปัญหาการเรียน ปัญหาอุบัติเหตุฯลฯ
2.ถ้าผู้เรียนยังไม่เห็นปัญหา ผู้สอนควรใช้เทคนิคชี้นำให้ผู้เรียนคิดและมองเห็นปัญหา เช่นเทคนิคการถามคำถาม การเล่าเรื่อง การยกตัวอย่างฯลฯ
3.ผู้สอนควรเตรียมเนื้อหา แหล่งค้นคว้าข้อมุล ตลอดจนวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นที่ต้องใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลล่วงหน้า
4.ในการสอนต้องให้เวลา และให้อิสระแก้ผู้เรียนในการศึกษาค้นคว้า การวิเคราะห์และการสรุปผลข้อมูล
5.ผู้สอนควรควบคุมในการแก้ปัญหาของกลุ่ม หรือรายบุคคลดำเนินไปด้วยดี และส่งเสริมให้ผู้เรียนให้กำลังใจในการแก้ปัญหา

ที่มา :  http://www.krutermsak.in.th/