ใครๆก็สามารถตั้งตนเป็นผู้ให้บริการ
Cloud Computing ได้ ขอเพียงแต่สามารถลงทุนเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน
และมีซอฟต์แวร์และระบบบริหารจัดการทรัพยากรคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพ
อีกทั้งสามารถจัดหาวงจรอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อเชื่อมต่อไปโครงข่าย Cloud
Computing เข้าด้วยกัน ในกรณีที่มีการแยกอาคารสถานที่ติดตั้ง
การพัฒนาขีดความสามารถของโครงข่ายสื่อสารข้อมูล
โดยเฉพาะอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
และหากจะให้ดีก็น่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ใยแก้วนำแสง
ซึ่งปัจจุบันรองรับด้วยเทคโนโลยี FTTH (Fiber To The Home) จะช่วยทำให้องค์กรธุรกิจหรือหน่วยงานต่างๆ
สามารถเชื่อมต่อกับผู้ประกอบการ Cloud Computing
ด้วยวงจรสื่อสารความเร็วสูง
และจะได้ลดข้อจำกัดในเรื่องของความเร็วในการเชื่อมต่อลงได้
อาจกกล่าวได้อีกอย่างหนึ่งว่า
นอกเหนือจากพฤติกรรมหรือไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่นิยมการใช้งานอินเทอร์เน็ตเพื่อรับสื่อมัลติมีเดียแล้ว
กระแสความนิยมในบริการ Cloud Computing ของภาคธุรกิจหรือหน่วยงานต่างๆ
ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผลักดันให้มีการขยายเพิ่มขีดความสามารถของโครงข่ายบรอดแบนด์ในประเทศไทย
ปัจจุบันมีบริษัทขนาดเล็กหลายแห่งในประเทศไทย ลงทุนสร้างเครือข่าย Cloud Computing รับประมวลผลให้กับลูกค้าองค์กรที่เป็นบริษัทขนาดย่อมๆ
กันแล้ว เมื่อใดก็ตามที่กระแสความนิยมในเทคโนโลยี Cloud Computing ในบ้านเราเปิดกว้างมากขึ้น
ประกอบกับการขยายขีดความสามารถของเครือข่ายบรอดแบนด์อย่างต่อเนื่อง เราจะได้เห็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจใหม่นี้อย่างแน่นอน
เชื่อได้เลยว่าอนาคตที่ว่านั้นอยู่ไม่ไกลเกินไปนัก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น